Welcome to Poom's Blog

เข้ามาเยี่ยมชมกันได้เลยนะฮะ Blog นี้มีแต่เรื่องผมล้วนๆฮะ

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ศิลปะอีกชุด รวมไปถึงการ์ดวันพ่อ

วันพ่อปีนี้พิเศษสำหรับพ่อมาก เพราะพ่อได้รับการ์ดตั้ง 2 ใบจากลุกทั้ง 2 คน เล่นเอาปลื้มยิ้มไม่หุบเลย





ความถนัด






ภูมิค่อนข้างจะฉายแววความถนัดออกมาเยอะมากแล้ว ว่ามีความสนใจในงานศิลปะจริงๆ ไม่ว่าจะวาดรูป ระบายสี หรือแม้กระทั่งทำอาหาร หม่าม้ารวบรวมเอาผลงานของภูมิที่ทั้งไปทำที่โรงเรียนศิลปะ และ ทำที่บ้านมาไว้ให้ดู ไปชมกันเลยจ้ะ

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

งานเข้าอีกแล้ว

วันนี้ที่โรงเรียนของภูมิมีงานวันพ่อ พ่อกับหม่าม้าก็ไปร่วมด้วย เพราะภูมิอาสาออกไปเต้นหน้าเสาธงกับเพื่อนๆชั้นอื่น เท่าที่หม่าม้าดู หม่าม้าไม่ได้เข้าข้างนะ ภูมิจำท่าได้ดีกว่าคนอื่นมากเลยนะ คือ รู้ว่าต้องหมุนพัด กลับพัด ซอยเท้า หรืออื่นๆอีก ไปถามครูครูบอกว่า ขออาสาสมัคร ใครอยากเต้นให้ออกไปหน้าห้อง ภูมิเดินออกไปคนแรกเลย หม่าม้าก็ดีใจนะ ที่ภูมิชอบแสดงออก
ภุมิเต้นจนเสร็จเรียบร้อย ประมาณ 9 โมงครึ่ง หม่าม้าก็บอกว่า จะไปทำงานแล้ว ภูมิก็เข้าใจ บอกว่า โอเค พอประมาณ 11.30 น พ่อโทรมาบอกว่า ย่าไปตลาดเจอ พ่อร็อกกี้ พ่อร็อกกี้บอกว่า ม้าลายปูนปั้นตัวใหญ่ตรงบันไดขึ้นชั้น 2 ลืมลงมาทับเท้า ร้องไห้ลั่นเลย พ่อก็เลยไปรับภูมิกลับ พาไปโรงพยาบาล ต้องเอ็กซเรย์เท้า ปรากฏว่ากระแทกที่กล้ามเนื้อ ไม่โดนกระดูก ก็เลยกินยาแก้อักเสบ
แหม ช่วงนี้ หลายอย่างจริงนะเราน่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กินยาวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่ภุมิกินยา Ritalin เพื่อควบคุมการหลั่งสารบางชนิด ควบคุมการสั่งการของสมอง กินไปเสี้ยวเดียว หม่าม้าให้กินตอนเช้า ก่อนไปเรียน ผ่านไปครึ่ง ชม ภูมิก็ดูเงียบๆ นิ่งๆขึ้น แต่ก็ไม่มาก แล้วหม่าม้าก็พาไปส่งโรงเรียน ไปคุยกับครู เพื่อให้ครูทราบว่าต้องดูแลภูมิยังไง พอดี๊ ครุน้อยมีประสบการณ์จากเด็กอีกคน ก็เลยอธิบายง่าย แล้วครูน้อยก็ต้องช่วยตอบแบบสอบถาม เพื่อเอาไปส่งหมอให้ด้วย ก็ยังไม่รู้ว่าระหว่างวันจะเป็นยังไง หม่าม้าก็ห่วงอยุ่นะ จริงๆก็ไม่อยากให้กินยาแต่ก็กังวลว่าภูมิจะเรียนไม่ทัน ลองดูก่อนแล้วกันนะครับ ไงไง เกิดมาเป็นคนทั้งที ก็มีเรื่องให้ลุ้นให้ตื่นเต้นบ้างในบางจังหวะ ที่ภูมิเป็นนี่หม่าม้าก็ว่าเล็กน้อยมากเลยนะ เพราะคนอื่นๆที่เขาเป็นเขาเป็นตั้งเยอะ หลายอย่างกว่าอีกนะ สู้ สู้ครับลูก

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อ้าว ผมเป็นสมาธิสั้นเหรอเนี่ย

เมื่อวานเป็นวันที่หม่าม้านัดกับหมอที่ รพ . พญาไท พาภูมิไปตรวจวัดประเมินจากหมอว่าภูมิเป็นเป็นสมาธิสั้นหรือเปล่า ภูมิคงสงสัยทำไมต้องไปตรวจ หม่าม้าอธิบายงี้นะ ภูมิเป็นเด็กที่ซนมาก อยู่ไม่นิ่ง ขี้ลืม ชอบทำของหายบ่อยๆ แล้วที่สำคัญตอนนี้ภูมิเริ่มเรียนหนังสือไม่ทันเพื่อนแล้ว ทำข้อสอบได้คะแนน 0 เพราะเขียนไม่ทันเพื่อน หม่าม้าก็เลยคิดว่าไปตรวจซะหน่อยดีกว่า จะได้ช่วยกัน หากรู้ก็จะได้รักษา คุณครูก็จะได้เข้าใจด้วย พ่อพาภูมิไปตรวจ ( หม่าม้าติดงานด่วน ) หมอก็ให้ภูมิทดลองทำนั่นทำนี่ ต่อภาพ วัดเชาว์ปัญญา ดูเรื่องสมาธิต่างๆ แล้วก็พูดคุยกับภูมิและพ่อ สุดท้ายหมอก็วินิจฉันชยว่า ภูมิน่าจะเป็นโรคที่ 5% ของเด็กทั่วโลกจะเป็น คือ สมาธิสั้น เพราะร่างกายมีสารเคมีที่ไม่สมดุลย์ แต่หมอบอกว่าภูมิเป็นเด็กที่มีเชาว์ปัญญาดีมาก สมองดี แต่ควบคุมตนเองไม่ได้ ต้องกินยาเพื่อกดอาการเอาไว้ ให้กินอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ อย่ากินของหวานๆ น้ำอัดลม ก็อย่ากิน ภูมิคงสงสัยว่าแล้วภูมิเป็นได้ไง ( ก็แหม 100 คนจะเป็นซะ 5 คน ทำไมมาเป็นที่ภูมิล่ะ ) จริงแล้วมันก็เกิดจากหลายปัจจัย อย่างเช่น การได้รับสารเคมีเข้าไป การกระทบกระเทือนของหัวสมอง พันธุกรรม หรือ แม้แต่สภาพแวดล้อม ซึ่งประเด็นของภูมิ หมอบอกว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะตอนภูมิอยู่ในท้องหม่าได้ 3 เดือน หม่าม้าต้องผ่าตัดเนื้องอกที่รังไข่ ภูมิอาจได้รับยาอะไรเข้าไป เลยทำให้มีผลกับฮอร์โมนในสมองภูมิ ยังไงก็ตามแต่ถึงเวลานี้เราได้รู้แล้ว และเราก็จะช่วยกันปรับ เปลี่ยน ไปอย่างช้าๆ ด้วยการกินยา ปรับสภาพแวดล้อม การฝึกสมาธิ อาการแบบนี้ แม้แต่คนที่เป็นอัจฉริยะระดับโลกก็ยังเป็น เขาก็ยังเติบโตเป็นคนที่สร้างคุณค่าให้แก่โลกได้ตั้งมากมาย
ภูมิคงไม่ต้องถึงกับเป็นอัจฉริยะ แต่ขอให้ภูมิสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ ช่วยเหลือตนเองได้ เป็นคนดีเป็นคนน่ารักอย่างที่ภูมิเป็นก็พอ และไม่ว่าอย่างไร ภูมิก็เป็นลูกที่หม่าม้ารักและ ห่วงตลอดไปครับ

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผลงานศิลปะของหนู






วันนี้ไปสมัครเรียนศิลปะมาเรียบร้อย เริ่มเรียนครั้งที่ 1 เลย ทำหมวกโจรสลัด คุณครูบอกว่า วันนี้สงสัยเริ่มคุ้นเคย เลยคุยเก่ง ร่าเริงเกินเหตุ ไม่ค่อยฟังที่ครูพูด ( ก็เนี่ยแหละที่ทำให้หม่าม้าต้องพาไปเรียนศิลปะ เพราะคิดว่าจะช่วยเรื่องสมาธิได้ ) หม่าม้าเอาผลงานมาลงไว้ให้ชื่นชมนะจ๊ะ

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ไปทดลองเรียนศิลปะมาแล้วนะ

วันนี้หม่าม้าพาภูิมิไปเรียนศิลปะที่โรงเรียนบ้านศิลปะ ข้างเดอะมอลล์ท่าพระ เขาให้ทดลองเรียนฟรี 1 ครั้ง ทีแรกภูมิก็ไม่กล้าขึ้นไป เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นไง หม่าม้าเลยพาขึ้นไปส่งแล้วหม่าม้าก็มารอข้างล่าง ผ่านไปสักชั่วโมง ภูมิก็เดินยิ้มแฉ่งมาพร้อมกับผลงานอันเลอเลิศ เป็นผีเสื้อแสนสวย ใช้สีน้ำกับสีชอล์ค ร่วมกัน หม่าม้า ยังไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู แต่เห็นภูมิสนุกก็ดีแล้ว แถมคุณครูยังชมอีกว่าตั้งใจมาก มีสมาธิดีแล้วก็ไม่ซน ( ท่าจะเป็นแบบนี้แค่ครั้งแรกหละม้างเนี่ย ) อาทิตย์หน้าหม่าม้าจะพาไปสมัครเรียนแบบเสียเงินแล้วนะ หวังว่ามันจะช่วยภูมิได้นะ

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เรียนศิลปะ

เมื่อวานก่อน พ่อบอกว่าภูมิไม่ยอมกินข้าว นั่งร้องไห้ ถามว่าเป็นไร ภูมิบอกว่า คุณครูให้ไปนั่งทำการบ้านอีกห้องหนึ่ง กลับบ้านคนสุดท้าย วันต่อมา พ่อเลยไปคุยกับครู ครูบอกว่าภูมิเขียนหนังสือไม่ได้เลย เขียนตามครูบอกก็ไม่ได้ เขียนตามกระดานก็ไม่ได้ แล้วก็ชอบคุยไม่ฟังครูพูด เลยต้องให้ไปนั่งทำคนเดียว พ่อก็เลยบอกว่า ขอให้ใช้วิธีอื่นในการลงโทษ เพราะทำอย่างนี้เขาไม่อยากมาโรงเรียน แต่จริงๆหม่าม้าก็เข้าใจครูอยู่นะ เพราะภูมิเป็นอย่างนั้นจริงๆ เด็กมีตั้งเยอะ เขาคงมานั่งเฝ้าภูมิคนเดียวไม่ได้หรอก เด็กคนอื่นเขาก็ต้องเรียนไปเหมือนกันแหละนะ หม่าม้าเลยคิดว่า จะพาภูมิไปเรียนศิลปะเพื่อฝึกสมาธิ ซึ่งภูมิก็เห็นดีด้วย แล้วก็อยากไป ตอนนี้หม่าม้าก็เลยพยามหาที่เรียนให้อยู่ คิดว่าจะไปเรียนที่โรงเรียนบ้านศิลปะ เพราะใกล้บ้าน เดินทางง่ายหน่อย แต่็แพงอยู่นะ หวังว่ามันจะช่วยภูมิได้นะ

Rally

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเราไปแรลลี่มา เพราะโตโยต้าชวนไป เราก็ไปนะ กรุงเทพ- ชะอำ ออกจากบ้าน 7 โมง เริ่มออก start ตอน 8 โมงกว่าๆ ก็ไปเรื่อยๆนะ หา RC, จำภาพ ,จำป้ายชื่อ, เข้าถ้ำ, ไหว้พระ, ปล่อยนก ปล่อยปลา , แล้วก็ตอบคำถามกวนโอ๊ยกัน กว่าจะไปถึงชะอำจริงๆ ก็ 5 โมงเย็น เล่นเอาหอบเลย แต่ภูมิก็สนุกนะ เฮฮามาก เด็กๆก็เยอะ กลางคืนก็มีกินเลี้ยง ถ้าน้องแพงมานี่โซ๊ยเพลินแหงมๆ เพราะกุ้ง หอย ปู ปลา มากันเป็นขบวน เฮียภูมิดิกินไม่คุ้มเลย เพราะมัวแต่เดินว่อนไปทั่วงานเลย แล้วก็มีจับรางวัล เราก็ได้รางวัลเป็น Package ติดไฟหรี่ มูลค่าหมื่นกว่าบาทแน่ะ ( ว่าแต่ไอ้ไฟหรี่นี่ มันติดกันตรงไหน ยังไง ) พ่อบอกว่าเซ็งเลย ไม่อยากได้ เพราะมองไปเห็นมีรางวัลอื่นน่าสนใจกว่า สรุปผลการแข่งขัน มีรถเข้าร่วม 120 คัน เราได้ลำดับที่เท่าไหร่ ไม่มีใครทราบเพราะมันไม่ประกาศ แต่เดาเอาเองว่าเกือบบ๊วย 55555

ผลการเรียน อ 3/1 เทอม 1

แทบจะเรียกว่าหายสาปสูญไปจากวงการเลยนะเรา ... ก็มัวแต่ทำงานอะไรมากมาย ไร้สาระแต่ได้ตังค์ ฮิฮิ เอาเรื่องผลการเรียกของภูมิดีกว่า สำหรับ อ. 3/1 เทอม 1 คะแนนมีแบ่งเป็๋น อ่าน & เขียน ส่วนใหญ่จะทำได้ประมาณ เฉียดๆ ครึ่ง เกินครึ่งมานิดหน่อย หรือไม่ก็ผ่านพอดีๆ รวมๆแล้วภูมิได้มา 63% ก็ถือว่าปานกลาง วิชาที่ทำได้ดีที่สุด น่าจะเป็นคณิตศาสตร์ กับ สปช. แต่ภาษาไทยนี่ น่าจะเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาอีกเยอะเลยนะจ๊า คุณจ๋า ภูมิคงมีคติประจำใจว่า " วิชาการไม่มุ่ง มุ่งแต่เรื่องสนุกๆหละมั้ง เพราะหม่าม้าไปคุยกับครู ครูบอกว่าภูมิคุยเก่งมาก จนไม่ฟังครูสอนเลยน่ะ

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ปิดเทอม การบ้านเพียบ

เฮียภูมิปิดเทอมแล้ว ลั้นลาน่าดู คุณครูให้การบ้านมาเพียบ ประมาณ 30 หน้า เพิ่งจะเริ่มทำเมื่อวานก่อน ภูมิบอกว่าจะทำวัีนละ 3 หน้า หม่าม้ามีหน้าที่เขียนโจทย์ให้ ภูมิก็ทำไป ก็ทำได้นะ โดยรวมถือว่าดี ขาดแค่ลายมือยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่อย่าได้กังวล เดี๋ยวก็พัฒนาไปเองหละ ภูมิเป็นเด็กที่ชอบอ่านนิทานมากๆเลย ช่วงนี้อ่านเก่ง อ่านเสียงดังฟังชัด แล้วก็จินตนาการดีมากๆ ชอบวาดรูป แต่ทำไม๊ชอบวาดแต่รูปส้มตำปูปลาร้าตลอดเลยน่ะ

ปิดเทอม กับ หน้าที่ใหม่ของเฮียภูมิ

ช่วงนี้ภูมิกับแพงปิดเทอม หม่าม้าตั้งท่าจะพาภูมิไปสุรินทร์ ตั้ง 3 ครั้งแล้ว ยังไมไ่ด้ไปเสียที แต่หมายมั่นปั้นมือว่าจะไปให้ได้ ในเดือนตุลาคมนี้ เพราะไม่งั้นคงต้องรอไปมกราโน่นเลย ภุมิก็อยากไปมากไม่แพ้กัน ( เขาคิดถึงน้องแพง อยากเอาของเล่นไปให้น้องแพง จะเอาออมสินไปให้ด้วย) พอดีพ่อเขาไปเปิดบัญชี ( สมุดเบ็นเท็น กับ แอเรียลเงือกน้อยมาน่ะ ) เฮียภูมิเขามีหน้าที่หยอดกระปุกทั้ง 2 อันทุกวัน และสิ้นเดือนต้องเอาไปฝาก อย่าอะไร ผ่านไป 3 วัน ปู่้กับอาหยอดให้กระปุกละ 500 แล้ว ( เออ ดีดีหยอดกันเข้าไป หลานจะได้มีเงินเีัรียนหนังสือ ) มีรูปเดี่ยวเอามาลงนะ

วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

หม่าม้า กับ ส้มตำปูปลาร้า

ช่วงนี้หม่าม้าทำงานอยู่ที่ดอยตุง โทรหาภูมิ กับแพงบ่อยๆ แพงไม่คุย แต่ภูมิคุย
ภูมิ : หม่าม้าส้มตำปูปลามันเหม็๋นนะ อย่ากินมาก
หม่าม้า : เฮัย หม่าม้าไม่ได้กิน ไม่มีให้กิน
ภูมิ : หม่าม้าจะกลับเมื่อไหร่
หม่าม้า ; เดี๋ยวก็กลับแล้วเนี่ย
ภูมิ : กลับมาบ้านย่าเลยเหรอ
หม่าม่า : ใช่ครับ
แล้วก็คุยสัพเพเหระอื่นไป จนวันต่อมา พ่อโทรมาบอกว่า เมื่อคืนภุมินั่งรอหม่าม้า พ่อบอกว่าให้นอนก็ไม่นอน บอกว่าจะรอก่อน หม่าม้าบอกว่าหม่าม้าจะกลับมาแล้ว โห.... น่าสงสารจัง

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

บวกเลข ลบเลข

หม่าม้าเข้ามา update เรื่องวิชาก๊าน วิชาการของหนูหน่อย คือ ช่วงนี้ภูมิบวก ลบเลขเป็นแล้ว ค่อนข้างคล่องมาก หลังจากที่เคยทำเป็นแล้วพอไม่สบายไปอาทิตย์นึง เหมือนภูมิลืมว่ามันต้องทำยังไง ( อันนี้หม่าม้าก็งงนะ ว่าป่วยแค่นี้จำไม่ได้เลยเหรอ ) เดี่ยวนี้สบายละ เผลอๆบางทีคิดในใจเอา พอภูมิทำได้ ภูมิก็บอกว่า หม่าม้า เค้าจะไปบอกคุณครูบอกเพื่อนทุกคนเลยอะ ว่าเขาทำเป็นแล้ว เขาเก่งแล้ว ซึ่งก็ไปบอกจริงๆด้วย คุณครูก็ชมมาว่า ป่วยกลับมา เก่งขึ้นเยอะเลย ( แต่พอละนะ ไม่ต้องป่วยละ ) ตอนนี้หม่าม้าก็ต้องมาดูเรื่องการเขียนหนังสือของภูมิต่อ เพราะลายมือนี่ อือ หืม อ่านไม่ได้เลยจริงๆนะ

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

พูนมาแล้ว พูนหายป่วยแล้ว

ภูมิไม่สบาย ไม่ได้ไปโรงเรียนตั้งแต่วันจันทร์ ที่ผ่านมา จนถึงเมื่อคืน
ภูมิบอกว่า: หม่าม้า เขาอยากไปโรงเรียนมากแล้วอะ หม่าม้าเขาคิดถึงเพื่อนอะ ( แต่จริงๆอีกอย่าง คือ อยากให้ครู ให้เพื่อนชมด้วยว่า ถึงแม้จะหยุดอยู่บ้าน แต่ก็เรียนหนังสือนะ เพราะสมุดการบ้านหมดเล่มเลย ช่วงหยุดก็ทำไป 10 กว่าหน้า )
หม่าม้าเลยบอกว่า : ได้ ถ้าจะไปก็ห้ามไอให้ได้ยินอีก
เมือคืนก็ไม่ไอเลยนะ ตอนเช้่าปลุกตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง คึกคักใหญ่ จะได้ไปโรงเรียน พอไปถึง เพื่อนๆก็วิ่งมาห้อมล้อม ตะโกนดีใจกันใหญ่ เย้ เย้ พูนหายแล้ว พูนมาโรงเรียน ไม่ป่วยแล้ว เจ้าภูมิก็ยืน เขิน สมดังตั้งใจเลยนะเนี่ย

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ไม่สบาย

วันนี้ภูมิไม่สบาย ไอมาก แล้วก็ตัวร้อนนิดหน่อย ไปหาหมอ หมอให้พ่นยา พร้อมกับรับยามามากกว่า 6 ขวด (จะกินเยอะไรขนาดนั้นนะ)หม่าม้าถ่ายรูปมาด้วย เพราะทีแรกภูมิงอแงไม่ยอมพ่น เพราะนึกว่าการพ่นยาคือการเอาน้ำเกลือล้างจมูก ก็เลยต้องทำเป็นถ่ายภาพเพราะต้องครอบจมูกด้วยเครื่องพ่นยา ทีแรกหม่าม้าไม่ได้เข้าไปในห้องพ่นยาด้วน พ่อก็บอกภูมิว่า โห ครอบจมูกแล้วเหมือนยอดมนุษย์เลย
พอหม่าม้าตามเข้าไป ลืมเตี๊ยมกับพ่อ หม่าม้า ทักภูมิว่า อ้าว นี่มันเอเลี่ยนหนิ 555555 หม่าม้าถ่ายรูปมาให้ด้วย เพื่อภูมิจะได้ตัดสินใจว่าเหมือนไรกันแน่น๊าาาา

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

เข้ามา up หน่อย

หายไปนานเลย ไม่ค่อยได้มา up blog ให้เลย งานเยอะไปหน่อย ( เร่งสร้างผลงานเข้าไป เงินเดือนจะได้เพิ่มอีกนิดอีกหน่อย ) ช่วงนี้ภูมิน่ารักมาก ว่านอนสอนง่าย บอกไรก็เข้าใจ เชื่อฟัง คุณครูก็มีคอมเม้นท์มาดีนะ เขียนได้ดีขึ้น อ่านได้ดีขึ้น อ่านแล้วค่อยยังชั่วหน่อย
เสาร์ อาทิตย์นี้ เราก็คุยกันว่า อาจไปสุรินทร์ ภูมิก็อยากไป หม่าม้าก็อยากไป แต่ยังไม่ได้จองตั๋วเลย จะมีตั๋วเหลือไหมเนี่ย เอาว่าพรุ่งนี้หม่าม้าจะไปหัวลำโพงเพื่อจองตั๋วนะจ๊ะ

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

ชอบศิลปะ

เมื่อวันก่อนหม่าม้าไปทำงานที่สระแก้ว ที่โรงเนียนกาสรกสิวิทย์ ไป 2 คืน ก็โทรหาภูมิ
หม่าม้า ภูมิ ทำไรอยู่
ภูมิ กำลังวาดรูป ฝนตกจากฟ้า
หม่าม้า ฝนตกหนักไหม
ภูมิ ตกลงมาเป็นส้มตำปูปลาร้า
หม่าม้า อ้าว อ้าปากรับดิ
ภูมิ แหวะ ไม่เอา เหม็น
ภูมิเป็นคนชอบวาดรูปมากกว่าชอบอะไรที่เป็นวิชาการ วาดได้ค่อนข้างเหมือนซะด้วย เมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน เมื่อคืนก่อนวาดปู มีก้ามด้วย หม่าม้าว่าก็ขำดี ช่วงวัยนี้ค่อนข้างได้เห็นอะไรที่เป็นความสนใจของภูมิมากขึ้นอีก นี่ถ้ามีโอกาสได้อยู่บ้านอาม่า วิชาศิลปึกษาน่าจะบรรเจิดกว่านี้อีกมาาากกกกกกแน่ๆ

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คนบ้านเดียวกัน รึ สาวบ้านแต้กันแน่นะเนี่ย

วันเสาร์นี้ วันที่ 28 สิงหาคม เป็นวันสถาปนาโรงเรียนชาติศึักษา ผ่านมา 3 ปี ที่ภูมิเรียนที่นี่ ก็ไปแสดงทุ๊กปีนะ ปีแรกก็เขย่งๆ เต้นๆไป เพลง หนอนผีเสื้อ ร้องเพลงได้จนวันนี้ ไม่ลืมเลย ปีที่ 2 อนุบาล 2 ก็เต้นอีก คราวนี้ 30 ยังแจ๋ว ก็พอจะร้องได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่จำท่าเต้นไม่ได้แล้ว มาปีนี้ปีที่ 3 ก็เต้น เห็นพูดมาตั้งกะต้นเดือนว่าเต้นเพลงสาวบ้านแต้ ถามเท่าไหร่ ๆก็สาวบ้านแต้ พอวันนี้ถามอีก ก็ยังยืนยันว่าสาวบ้านแต้นะ หม่าม้าเลยดูที่สูจิบัตรที่เขาเพิ่งให้มา อ้าว นี่มันแสดงคนบ้านเดียวกันนี่หว่า ตกลงภูมิจะเต้นเพลงไหนกันแน่เนี่ย หม่าม้าเลยแอบคิดเอาเองว่า สงสัยเต้น 2 เพลง ไปแจมห้องอื่นด้วยป่ะเนี่ย อะไรจะปานนั้น เดี๋ยวเสาร์นี้ก็รู้ จะแต้หรือว่าจะบ้านเดียวกัน 555 ตูดเอ๊ย

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10-14 สิงหา 53




ไม่ได้เข้ามาเขียนซะนานเลย ช่วงวัีนที่ 10-14 สิงหาที่ผ่านมา น้องแพงมาเที่ยวกรุงเทพ วันที่ 10 น้องแพงก็ไปส่งเฮียภูมิที่โรงเรียนด้วย เด็กสุรินทร์ งงคงว่า ทำไมจะไปโรงเรียนมันยุ่งยากจัง เพราะต้องรอมอไซค์ รถสองแถว 555 เฮียภูมิชินแล้ว ตอนเย็นภูมิกับแพงก็เล่นด้วยกัน ระบายสี อ่านหนังสือ ไปตามเรื่องตามราว แล้วก็มีไปเล่นบ้านบอลด้วย ที่เดอะมอลล์ มีเสียน้ำตาเล็กน้อยสำหรับน้องแพง เพราะขึ้นไปลงไม่ได้ เฮียภูมิเขาวิ่งเร็วมากเลย โดยรวมๆ เฮียภูมิรักน้องมากเลย อยากจูง อยากกอด อาจจะอยากอุ้ม แต่อุ้มไม่ไหวอะ มีมาบอกหม่าม้าว่า น้องแพงอ้วนเกินไป แต่ก็น่ารัก ( โห ชมกันเอง พี่ชายที่แสนดี ) เอียภูมิเป็ฯเด็กที่มีความสุขกับการว่ายน้ำมากๆเลย ชอบมาก ให้เล่นเป็นชั่วโมงก็เอา ( แต่หม่าม้าไม่ให้หรอกนะ เดี่ยวป่วย เพราะขนาดไม่ป่วยยังโดนป้อนยาอะไร ต่อมิอะไรมากมาย ขืนป่วยขึ้นมา กินยาแทนข้าวพอดี ) รอบนี้เราก็เที่ยวหลายที่เลยนะ ไปพัทยา ไปจันทรบุรีดูโลมา ไปสุรินทร์ กลับมาภูมิบอกว่าอยากไปอีก เอาน่าไปแน่ๆ เดี๋ยวไปรถไฟกันดีกว่านะเรา

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แพงมากรุงเทพ

วันนี้เฮียภูมิ ตื่นเต้นมากเพราะน้องแพงมากรุงเทพแล้ว ตอนเช้าหม่าม้าไปรับมา แล้วก็พาเฮียภูมิไปส่งโรงเรียน อี๊น้องกับน้องแพงก็ไปด้วยนะ แรกๆภูมิ ก็เกร็งน้องนะ ทำเป็นเก็กไม่คุยด้วย แต่พอเย็นเท่านั้นแหละ นกกระจอกแตกรังชัดๆ เราไปเดอะมอลล์กัน เข้าไปเล่นบ้านบอลอันใหญ่ เฮียเล่นไีร แพงเล่นอันนั้น มีอันนึง คือเฮียภูมิ ขึ้นไปด้านบน สูงใช้่ได้เลย แต่เฮียเขาตัวสูง ขายาวแล้ว เขาก็ปีนขึ้นปีนลงรวดเร็ว แต่แพงอะดิ ขึ้นไปลงไม่ได้ ร้องไห้อยู่ข้างบน พนักงานต้องไปช่วยพาลงมา จากกนั้นแพงก็ไปเล่นแต่งหน้าเค้ก เฮีัยเล่นเกมส์คอมพ์ หม่าม้าุ้ถ่ายรูปมาด้วย เดี๋ยวต้องเอามาลงไว้ซะแร้วว โดยรวมวันนี้ก็หนุกดีแต่คงเหนื่อยสำหรับน้องแพงและอี๊น้องน่าดู

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์สุดหรรษา

เมื่อวานตอนบ่าย หม่าม้าไปเที่ยวเดอะมอลล์กับภูิมิ เห็นได้ข่าวว่าเขาทำชั้นเด็กเล่นใหม่ ทีแรกไปถึงภูมิ ก็ไปเล่นบ้านบอลเหมือนเดิม ( ของเก่า ) เล่นเสร็จหม่าม้าบอกว่า
หม่าม้า : ภูมิ เขาทำที่เล่นใหม่แล้วนะ เห็นว่าใหญ่เลยแหละ
ภูมิ : ไหนอะ ตรงไหนอะ
หม่าม้า : ด้านในแหละ แต่ว่าเห็นว่าค่าเล่นแพง
ภูมิ : เราลองไปดุก่อนไหม ถ้าไม่แพงก็จะเล่น แต่ถ้าแพง ก็จะเล่นเหมือนกันน่ะ
หม่าม้า : อ้าว ... แป่ว ...
พอไปถึง โอ้โห ใหญโตสมคำร่ำลือ ภูมิตื่นเต้นมาก รีบต่อแถวเข้าไปเล่นเลย ได้เล่น 45 นาที แต่ 80 บาท แน่ะ
เล่นเสร็จออกมา
ภูมิ : สนุกมากเลย หม่า้ม้า มันสูงมากเลย
หม่าม้า : เหรอ แล้วเป็นไง
ภูมิ : เดี่ยวเขาจะมาเล่นอีก พาน้องแพงมาด้วย
จากนั้นก็ไปกินข้าวกัน ภูมิเลือกกินฮาจิบัง ราเมน ถ้วยใหญ่มาก คงเหนื่อยมั้งกินซะเรียบเลย ต่อด้วยโดนัทอีก 2 อันใหญ่ โหภูมิอิ่ม ภุมิสนุก แต่หม่าม้าเป๋าแห้งเลย

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ใส่ชุดผิดอีกละ

ความที่เราหยุดช่วงเข้าพรรษา 2 วัน จันทร์ อังคารหม่าม้าเลยลืมเลยว่าวันพุธต้องใส่ชุดพละ แหม .. ตื่นมาแต่งตัวชุดนักเรียนซะดิบดี วิ่งลงไปข้างล่าง ย่าก็งง ว่าอ้าว ทำไมใส่ชุดนักเรียน ภูมิก็วิ่้งขึ้นมาข้างบน
ภูมิ : หม่าม้า ใส่ชุดผิด เสร่อจิงจิ๊งง แล้วก็ขำใหญ่
หม่าม้า : อ้าวแล้วทำไมตอนใส่ไม่บอกหละฟะ
ภูมิ : ก็เค้าลืมนี่
หม่าม้า : อ้าว
ภูมิ : หม้าม้านี่ เด็กบ้านนอกจิงจิ๊ง
หม้าม้า : บ้านนอกยังไงอะ
ภูมิ : ไม่รู้ดิ เค้าก็เด็ฏบ้านนอกเหมือนกันแหละ

ระบายสีอีกละ



วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพขำขำ



พ่อนั่งทำรูปลุก 2 คน แบบขำๆ บอกว่ารูปน้องแพงเนียนจริงๆ

การบ้านของภูมิ

อี๊น้อง การบ้านที่ส่งมาให้อะ ภูมิทำหมดแล้วนะ เติมตัวเลขที่หายไปถือว่าคล่อง 1-10 โอ เค ได้ืัทั้งหมด 11-14 ก็ยังโอ เค แต่พอมากกว่านี้จะมีงงนะ เช่น 15 จะอ่านว่า หนึ่ง ห้า ถ้ามากกว่า 20 นี่ ถือว่าไมใ่ผ่านไปเลย ส่วนเรื่องของการนับจำนวน นับได้ยาว 1-20 ยาวไปเลย แต่ถ้ามากกว่านี้ จะไม่ค่อยได้ละ เดี๋ยวเสาร์ อาทิตย์นีั้หยุดยาว 4 วัน ก็ใช้อันเดิมที่อี๊น้องส่งมาแหละ เพราะปริ๊นท์มา 2 ชุด

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ริงอะริงอะริง

วันนี้อี๊น้องเขาส่งการบ้านมาให้น้องภูมิทำ วัด IQ ผลออกมาก็โดยรวมก็โอ เค อยู่นะ มีตัวเลขบางตัวที่จำได้ไม่แม่น ต้องสู้ต่อไป ทาเคชิ
ที่โรงเรียนวันนี้สงสัยครูฝรั่งคนใหม่มา สอนร้องเพลงแล้วก็เต้น ท่าทางภูมิจะชอบภาษาอังกฤษนะ เพราะเอามาเต้นให้ดู แล้วก็ร้องเพลงประกอบ หม่าม้าก็พย๊ามจะจับให้ได้ว่าร้องว่าอะไร ได้ยินแต่ เทเลโฟน ริงอะริงอะริง ที่เหลืออีกยาวมากอยู่นะ ฟังไม่เข้าใจ น่าจะเพราะภุมิร้องไม่ชัดอะ ใส่วิดีโอไว้ให้ด้วยเนี่ย

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไปเขาดิน




วันอาทิตย์ที่ 18 กค. 53 หม่าม้ากับภูมินั่งรถไปเที่ยวเขาดินกัน ไปถึง 10 โมง ก็นั่งรถรางท่องเที่ยวไปรอบๆก่อน แล้วก็เดินดูเป็นจุดๆไป พอดีว่า โอวัลติน เขามาจัดกิจกรรมให้เ็ด็กๆ เล่นสนุกกันพอดี ก็มีทั้ง ดูหนัง ชูตบาส บิงโก ปั๊มลม ระบายสี ( อันนี้ภูมิทำท่าเบื่อมาก ) ภูมิก็ร่วมเล่นทุกกิจกรรมนะ มีให้ออกไปตอบคำถามด้วย เกี่ยวกับเรื่องลดโลกร้อน เขาถามว่า
โอวัลติน : ทำไงเราถึงจะช่วยลดโลกร้อนได้
ภูมิ : ใช้น้ำให้น้อยๆ
โอวัลติน : ( อึ้งไปนิดหน่อย ) ครับ โอ โห เก่งมากเลย ให้ใช้น้ำประหยัดๆ ( แต่หม่าม้านั่งคิด แหม.. เวลาอาบน้ำทีเปิดน้ำซะท่วมเลย )
ภูมิ : ยิ้ม ปลื้ม ได้รางวัลมามากมาย ได้แก่ สติ๊กเกอร์ ไม้บรรทัด ขนม
แล้วก็เดินชมสัตว์ไปทั่ว การแสดงนก งู หมีขอ ไปดูปลาฉลาม ให้อาหารปลาฉลาม
เริ่มบ่าย หม่าม้าก็เริ่มหิวข้าวนะ เลยบอกว่า
หม่าม้า : ภูมิ กินข้าวเหอะ หม่าม้าหิว
ภูมิ : หิวอีกแล้วเหรอเนี่ย
หม่าม้า : อ้าว เฮ๊ย หม่าม้ายังไม่ได้กินไรเลยนะ ถ้าหม่าม้าไม่ไ้ด้กินคราวนี้ป็นลม เดินไม่ไหวเลยนะ
ภูิมิ : ก็ด้าย ก็ด้าย แต่เขาอะ คิดว่าหม่าม้าอะ ไม่น่าจะกินไรแล้วนะ
หม่าม้า : ก็หิวนี่นา
.... นั่งกินสักพัก 15 นาที .....
ภูมิ : หม่าม้า พอเหอะ เขาคิดว่าน่าจะไปได้แล้ว
หม่าม้า : เหรอ นานแล้วเหรอ
ภูมิ : ช่าย สัตว์จะกลับไปหมดแล้วเนี่ยยยยย
แล้วเราก็ท่องเที่ยวต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ จน 5 โมงเย็นโน่น พ่อมารับ กลับบ้าน แล้วภูมิก็บอกพ่อว่า พ่อ อย่าใช้น้ำเยอะนะ โลกร้อน ให้ใช้น้ำน้อยๆนะ
( อืม ... ได้ประโยชน์เหมือนกันนี่นา )

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

งานฝีมือ



วันนี้วันเสาร์ หม่าม้าเลยชวนภูมิทำงานฝีมือกัน โดยให้ภูมิเป็นคนเสนอไอเดียนะ ว่าจะทำไรดี ภูมิเลยเอากล่องนมที่กินหมดแล้วมาตัดปากกล่องออก แล้วก็ระบายสีรูปภาพ จากนั้นตัดรูปภาพออกมาปะบนกล่อง ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็เรียบร้อย ได้มา 4 ตัว หม่าม้าถามว่า เอามาทำไรต่อได้บ้าง ภูมิก็เลยเอามาเล่าเป็นนิทานให้หม่าม้าฟังเลย ถึงจะไม่สัมพันธ์กันสักเท่าไหร่ก็เหอะนะ เดี๋ยวหม่าม้าไปถ่ายรูปมาไว้ให้ดูเด้อ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรียน เขียน อ่าน

หม่าม้าเข้ามา update เรื่องเรียนของหนูเพิ่มหน่อย หลังจากเปิดเรียนมา 2เดือน ช่วงนี้ดูเหมือนภูมิเริ่มปรับตัวได้เร็วกว่าเดิม จำตัวเลขได้มากขึ้น คล่องขึ้น ,ภาษาไทย เขียนได้ดีกว่าเดิมมาก อ่านได้ดีมากกว่าเดิมเยอะเลย , แต่วิชาที่หนูชอบ น่าจะเป็นภาษาอังกฤษนะ เสียแต่ว่าที่ดรงเรียน ได้เรียนน้อยไปหน่อย สัปดาห์ละ 1 วันเอง
ปกติหม่าม้าจะเป็นคนสอนภูมิอ่านหนังสือ ทำการบ้าน เล่นเกมส์ แต่ตอนหลังมานี่ พ่อเสนอตัีว (ตอนหลังที่ว่า คือ เมื่อวานนะ ) ขอสอนด้วย โดยสลับกันวันเว้นวัน ( สงสัยกลัวลูกไม่รัก ) ตอนแรกภูมิก็ไม่ยอมนะ บอกว่าต้องให้หม่าม้าสอน แต่พอพ่อได้สอน ภูมิก็บอกหนุกดี

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รักน้องแฮง

ภูมิเป็นพี่ที่รักน้องนะ แม้ว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม ภูมิจะถามหาน้องบ่อยๆ ว่า "น้องแฮงทำไรอยู่" ( หม่าม้าไม่ได้เขียนผิดนะ ภูมิพูดว่าแฮง ) "น้องแฮงไปโรงเรียนยัง" "น้องแฮงทำการบ้านยัง" ภูมิมักจะบอกว่า "เค้าไม่มีน้องแล้วนะหม่าม้า เค้ามีน้องแล้วคนเดียว" เวลาไปเที่ยวไหน ภูมิจะ Take Care น้องมากเลย เช่น เช่นรองเท้าให้ , เดินจูงมือ , กอด , พาลงบันได้ ( อันนี้ล่ะเสียวจะร่วงทั้งคู่ )
ภูมิชอบพูดแทนตัวเองว่า " เค้า " หม่าม้าถามว่าทำไมไม่พูดว่าภูมิ ภูมิบอกว่า " มันพูดยากหนิหม่าม้า " หม่าม้าเลยบอกว่า " ชื่อ ตูดไหม ง่ายดี"

เรื่องแปลกๆของหนู

ภูมิเป็นเด็กที่มักจะมองเห็นอะไรที่คนเขามองไม่ค่อยเห็น เมื่อก่อนหม่าม้าก็เฉยๆ นึกว่าภูมิคงพูดเล่นๆ เดี่ยวนี้ภูมิเริ่มโต ภูมิก็ยังคงพูดอยู่
เช่นว่า
เหตุการณ์หนึ่ง พ่อพาไปเที่ยววัดไผ่โรงวัว ที่สุพรรณ ซึ่งที่นั่นจะมีรูปปั้นเปรตเยอะมากเลย ครั้งแรกสุดที่พาไป ภูมิอายุแค่ 3 ขวบกว่า ภูมิให้อุ้มบ้างเดินบ้าง หม่าม้าก็พาเดินไป อุ้มไป ชมเปรตไป บางจุดภูมิก็จะร้องไห้ ไม่กล้ามอง บางจุดภูมิก็บอกว่า "เขาเอาแหลมๆแทง" หม่าม้าก็นึกว่าภูมิพูดเรื่อยเปื่อย เพราะจินตนาการ จนครั้งที่ 2 เมื่อไม่นานมานี้พ่อพาภูมิไปวัดนี้อีก คราวนี้ภูมิร้องไห้เลย "ไม่ไป ไม่ไป เขาเอาของแหลมๆมาทิ่ม เค้าเจ็บ ไม่ไป" เมื่อวานภูมิตะคอกย่า หม่าม้าเลยบอกว่า " เด็กที่ตะคอกผู้ใหญ่ ปากจะเป็นรูเข็ม แล้วก็พูดไมได้ กินข้าวไม่ได้ เหมือนเปรตเลยนะ ภูมิอยากไปดูไหมล่ะ " ภูมิบอกว่า " ไม่ไป ไม่ไป มันที่คนเอาไม้แหลมๆมาแทง เค้าเจ็บ "
อีกเหตุการณ์ก็ หม่าม้าให้ภูมิดูรูปภาพตอนแรกเกิด ว่าเนี่ยหม่าม้าเล่นกับภูมิอย่างั้น อย่างนี้ ภูมิก็บอกว่า " ตอนนั้นอะ ตาเค้าอะ มองไม่เห็นเลย มันมืดไปหมดเลยอะ " หม่าม้าก็งงว่า จำได้ด้วยเหรอฟะ
ยังมีเรื่องสยองๆอีกนิดหน่อยนะ เช่นว่า ภูิมิมักจะมองเห็นนั่นเห็นนี่แล้วพูดออกมาตามประสาเด็ก เช่น นั้นใครยืนตรงนั้นน่ะ , หม่าม้าเค้าเห็นใครวิ่งไปเมื่อกีี ( แต่เราอยู่กัน 2 คน )หม่าม้าเลยต้องให้ภูมิไปวัด ไหว้พระ ก่อนนอนก็ไหว้พระ ก็ดีขึ้นนะ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คิดถึงน้องแพงเลยทำ MV ไว้ดู ไม่รู้พรุ่งนี้จะได้เจอหรือเล่า แป๊บนึงก็ยังดี เฮียภูมิรอไปเดือนหน้านะครับ

หม่าม้า "ทำไมผู้ชายยืนฉี่ ผู้หญิงนั่งฉี"

หม่าม้าว่าสงสัยหม่าม้าต้องเริ่มสอนเรื่องเพศศึกษาให้นหูบ้างแล้วหละ เพราะที่โรงเรียนต้องมีเปลี่ยนเสื้อผ้าเวลาจะเข้านอน หนูก็จะมีคำถามกลับมา แรกๆ ก็เป็นเรื่องเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายที่ไม่เหมือนกันยังไง หลังๆเริ่มมีมาว่าที่ฉี่ทำไม่ไม่เหมือนกัน ทำไมผู้ชายยืนฉี่ ผู้หญิงนั่งฉี่ หม่าม้าก็เคยฟังมานะ เขาบอกว่าเด็กน่าจะเรียนเรื่องเพศศึกษาตอนอายุ 5 ขวบ นี่ก็ได้เวลาแล้วสินี่ ลูกชายของเรา

เริ่มเป็นตัวของตัวเองแล้ว

ตอนนี้ภูมิอายุ 5 ขวบกว่าๆ สิ่งที่หม่าม้าเห็นได้ คือ ภูมิเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
เริ่มมีคำพูดที่หม่าม้าไม่เคยได้ยิน เช่น
- โอ๊ย เบื่อจัง
- รำคาญจิงจิ๊งง
- อะไรวะ งง
- โอ๊ย อย่าพูดมาก
- คำหยาบบ้างเล็กๆน้อยๆ เช่น ห่าเอ๊ย(คงได้จากหม่าม้าเอง หม่าม้าพยามเลิกพูดอยู่นะ )
เริ่มมีพฤติกรรมที่แสดงออกมามากขึ้น เช่น
- แสดงอาการโมโหเวลาถูกขัดใจ ซึ่งเมื่อก่อนไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่
ทั้งหมดหม่าม้าเข้าใจได้ว่า หนูเร่ิ่มโตแล้วจริงๆ

เค้าเป็นหนุ่มแล้วนะหม่าม้า

ปกติหม่าม้าจะหอม จะกอด หรือจะจุ๊บภูมิเป็นปกติ วันหนึ่งก็หลายหน โดยเฉพาะช่วงก่อนนอน ที่เราต้องกอดกันทุกวัน ถ้าหม่าม้าลืม ภูมิจะบอกว่า "หม่าม้ายังไม่ได้ลูกรักเลย" แต่ตอนนี้หม่าม้าเริ่มสังเกตุได้ว่าภูมิเริ่มโตแล้ว เมื่อวันก่อน หม่าม้าจุ๊บภูมิ ภูมิบอกว่า "เี้ค้าโตแล้วนะ หม่าม้า" เฮ้อ นีลูกเราเริ่มเป็นหนุ่มแล้วเหรอเนี่ย แต่ไงไง ภูมิก็มีทิ้งท้ายกันหม่าม้าน้อยใจด้วยนะ ภูมิบอกว่า "จุ๊บแก้มได้เหมือนเดิม"

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

MV

เวลาไปเที่ยวที่ไหน เราถ่ายรูป พ่อมักจะเอามาร้อยเป็นเพลงไว้ให้หนูดู

3 กรกฏาคม 2553


นานแล้วนะที่หม่าม้าไม่ได้เห็นเฮียภูมินอนกลางวันน่ะ ไม่รู้ว่านอนเพราะง่วงหรือว่านอนเพราะขี้เกียจอ่านหนังสือกับหม่าม้านะเนี่ย

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เกือบไป

วันนี้ฝนตกหนักมาก ปกติเราไปโรงเรียนด้วยมอ'ไซค์วิน แต่วันนี้ไป 2 แถว ไอ้ฝนเจ้ากรรมก็ตกไม่หยุด ขนาดเราไปสายนะ ตัื้งเกือบ 8 โมงครึ่ง มันยังไม่หยุดเลยนะจะบอก ขาลงจากรถทุลักทุเลนาดู เพราะเรานั่งด้านหน้ากับคนขับ ตอนลงขาภูมิไปติดระหว่างเบาะกับประตู
ภูมิ : ขา ขา
หม่าม้า : ขาทำไม
ภูมิ : ขาติด
หม่าม้า : เอ้า ถอดรองเท้าออกเลย
ภูมิ : ถอดรองเท้าออก ติดคาในรถ
ผุ้ร่วมทางคนอื่น หยิบรองเท้าส่งมาให้
หม่าม้ากางร่ม พาไปส่งถึงห้องเรียน ระหว่างทางก็ถามว่า เจ็บไหม เจ็บไหม ภูมิเข้มแข็งนะ บอกว่า
ภูมิ : ไม่เจ็บ ไม่เป็นไร แค่นิดเดียว
หม่าเลยต้งชื่อเรื่องในวันนี้ว่า เกือบไป

ลูกป่วย พ่อก้อป่วย


เมื่อวานน้องภูมิป่วย วันนี้พ่อป่วยบ้าง พวกเราต้องช่วยกันระวังไม่ให้หม่าม้าป่วยอีกคนนะครับ

ลูกป่วย พ่อก้อป่วย

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

1 กรกฏาคม 2553

วันนี้เฮียภุมิไปโรงเรียนแล้ว เมื่อวานหม่าม้าไปเอาการบ้านจากคุณครูน้อยมาให้ทำ ตั้ง9 หน้าแน่ะ แต่ภุมิก็ทำจนเสร็จเรียบร้อยนะ ไปหาหมอ หมอธงชัยไม่อยู่ ต้องหาหมอเฉลิมไทย หมอบอกว่าหนูเป็นไข้หวัด ให้เอายาไปกินก่อน แล้วรอดูอาการ หากไม่ดีขึ้นเย็นนี้ต้องไปหาอีกที แต่ว่าวันจันทร์หน้า หมอนัดไปตรวจภูมิแพ้นะจ๊ะ

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กีฬาสุดโปรดของหนู



ป่วยซะแล้ว

วันนี้น้องภูมิไม่สบายตอนช่วงเย็นๆ หม่าม้ารีบกลับบ้าน เพราะคิดว่าจะมาสอนการบ้าน จับตัวหนูดู รู้สึกว่าตัวรุมๆ พาไปกินข้าวไม่ยอมกิน ขนมก็ไม่กิน ซึ่มๆ แล้วต่อมาก็ัตัวร้อนมากขึ้น วัดไข้ตอนทุ่มนึง อุณหภูมิ 39 องศา หม่าม้าให้กินยาแล้วเช็ดตัว อมวิตามินซีไป 1 เม็ด แล้วนอน ไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นยังไง จะไปเรียนได้หรือเปล่าเอ่ย

รอพ่อมาเขียนบันทึกถึงหนูมั่ง


พ่อ พ่อ ภูมิรออยู่นะพ่อ

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เจ็บตัวอีกแล้วน้องภูมิเอ๋ย

วันนี้หม่ามุ้ารีบมาทำงานเพราะมีประชุม น้องภูมิบอกว่า คุณครูให้ตัดเล็บ ย่าช่วยตัดให้ แต่ว่าย่ามองไม่ค่อยชัด เลยตัดเข้าไปซะลึ๊กกกกกกกเลย หนูบ่นตลอดทาง เจ็บ เจ็บ หม่าม้าขอโทษหนูนะที่หนูต้องเจ็บตัวเพราะหม่าม้าเร่งรีบอีกแล้ว แป่ววววว

Siam Ocean World 1st time

แผลเป็น

หม่าม้าจะเล่าให้ฟังตั้งกะ หนูเกิดนหนูอาุยุ 5 ขวบกว่าเนี่ย มีเหตุการณ์อกสั่นขวัญผวา พาให้หน้ามืด วิงเวียนอะไรบ้าง
1. ตอนอายุ 1 ขวบ กลางดึกเวลา ตี 2เศษๆ ทุกคนหลับสนิท อยุ่ดีๆ เสียงหนูก็ร้องลั่นขึ้น หม่าม้าตกใจเลย หนูนอนตกเตียง เตียงก็ใช่สูงน้อยซะเมือไหร่ ประมาณ 2 ฟุตกว่าๆแน่ะ ที่สำคัญตกลงไปโดนมุมเครื่อง printerพอดีเลย ผลปรากฏหนังตาหนูเลือดออก ทุกวันนี้ยังมีแผลเป็นให้เห็นอยู่เลย
2. ตอนอายุ 2 ขวบ หม่าม้าก็พาไปปั่นจักรยานเล่น ปั่นไปหั่นมา กำลังจะเลี้ยว ขาหนูดันไปติดในซื่ล้อจักรยาน หม่าม้าก็ออกแรงปั่นไป หนูก็ร้องกรี๊ดเลย หม่าม้าหน้าซีด ตกใจมาก กลัวหนูขาหัก เพราะมันอัดเข้าไปแรงมาก หม่าม้าก็จอดจักรยานไว้กลางถนน ไปขอน้ำแข็งร้านส้มตำมาประคบให้หนู หนูมีเลือดซึมออกมา 3-4 แผล สงสารหนูมากเลย แล้วหนูก็ไม่กล้านั่งจักรยาน หม่าม้าเลยอุ้มหนูด้วย ปั่นจักรยานด้วย ตอนนี้หนูก็ยังมีแผลเป็นนะ
3. ตอนอายุ 3 ขวบกว่าจะ4 ขวบ หม่าม้ากำลังประชุมที่ออฟฟิศ พ่อโทรมาบอกว่า เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด ภูมิคางแตกเพราะลื่นลืม หม่าม้าอึ้งเลย พอเห็นภูมิอีกทีตอนเย็น สงสารมากก แผลลึก เย็บไป ร่วม 10 เข็ม ภูมิต้องไปล้างแผลที่โรงบาลทุกวัน ไปจนรู้จักกับพยาบาล ตอนนี้ก็ยังมีแผลเป็นให้หนูเห็นเช่นกัน
เห็นไหม มันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ แผลเป็นแต่ละที่ของหนูเนี่ย ว่าแต่มีมาทุกขวบปีเลยนะหนูนะ

อาหารที่หนูชอบ

เรื่องอาหารกับภูมิเนี่ย เป็นปัญหาของพวกเราเลยหละ เพราะหนูกินยากมาก กว่าที่หม่าม้าจะทำให้หนูน้ำหนักขึ้นได้แต่ละกิโลนี่ มันยากมากกกกเลยนะ ขอบอก แล้วของที่หนูชอบ ก็พวก ถั่วแดง, มะเขือเทศ ,น้ำเต้าหู้, สาคู ,ถั่วงอก , ปลาทู , ขนมถุง , ช็อกโกแลต เอ๊ะ .. ชอบแบบไหนเนี่ยเหมือนๆจา healty แต่ก็ไม่ healty เท่าไหร่ แต่โดยรวมๆแล้ว ที่หนูโตมาขนาดนี้ เรื่องอาหารการกินก็ต้องยกให้ย่าเขาหละ ยังไง ยังไง หนูก็เป็นหลานรัก หลานโปรดของปู่กะย่าเสมอ

จักรยานคันแรกของภูมิ

หม่าม้าจำได้ว่า ตอนหนูอายุ 2 ขวบ ปู่กับย่าก็ซื้อจักรยานคันเล็กๆให้หนูไว้ปั่นเล่น แรกๆหนูก็ดุไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยมีแรงถีบ พอหม้าม้าซื้อบ้านอีกหลังที่บางใหญ่ ปู่ก็ซื้อจักรยานให้หนูอีกคัน สีแดงคันใหญ่กว่าเดิมนิดหน่อย ให้เอาไว้ปั่นที่บ้านโน้น ตอนนี้พ่อถอดล้อที่ 3 กับ 4 ออกแล้ว เพราะหวังว่าจะให้หนูลองหัดปั่นแบบ 2 ล้อบ้าง หนูก็ดูมีความพยามที่จะปั่น 2 ล้อนะ แต่ก็ยังกลัวล้มอยู่ เอาเป็นว่าหม่าม้าช่วยเชียร์นะ

เรื่องยุ่งๆเกี่ยวกับการเรียนของหนู



หม่าม้า update สดๆเลย วันนี้เพิ่งไปคุยกับคุณครูมา ตอนนี้หนูเรียนอนุบาล 3 แล้ว การเรียนต้องเข้มข้นมากขึ้น เพราะต้องเตรียมตัวขึ้น ป.1 ปัญหาคือว่า หนูเป็นคนไม่นิ่งเลย สมาธิหนูน้อยไปหน่อย เวลาให้หนุทำอะไร หนุจะไม่ค่อยทน แล้วจะยุกยิกตลอดเวลา คุณครุน้อย ซึ่งเป็นครูประจำชั้น จะบอกกับย่าเสมอ ว่าหนูช้ากว่าคนอืน หม่าม้าก็เครียดนะ พยามคิดว่า เด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ใจก็กังวลว่าหนูจะเรียนได้หรือเปล่า
ปัญหาของหนูคืออะไรเหรอ?
  1. ภาษาไทย หนูจำตัวพยัญชนะได้หมดแล้วหละ แต่หนูอ่านผสมกับสระไม่ได้ หม่าม้าก็คิดว่า เอ??? เด็กอายุ 5 ขวบเขาต้องอ่านได้แค่ไหนนะ แต่ก็เอาหละ ต้องสู้กันสักตั้ง ยังไงก็ต้องทำให้ภูมิอ่านให้ได้ แล้วหม่าม้าก็งัดทุกกลยุทธ สอนภูมิทุกเย็น แล้วก็ทุกเสาร์ - อาทิตย์ หมาม้าหยุด หม่าม้าก็จะเรียกภูมิมานั่งอ่าน ฝึกกันไป มีบ้าง ที่ภูมิเจ็บตัว โดนตีบ้างแหละ แล้วภูมิก็สามารถอ่านได้ เช่น กา ขา มี จุ มู อะไรพวกนี้ แค่นี้หม่าม้าก็ดีใจแล้ว
  2. คณิตศาสตร์ อีกหละ ภูมสามารถเขียนตัวเลขเรียงกันไปได้จนถึง 30 แต่เวลาหม่าม้าให้เขียนตัวเลขออกมา เป็นตัวๆ ภุมิกลับจำไม่ได้ ภูมิจำได้แค่ 1 2 3 4 .....10 ไอ้ที่หม่าม้าเว้นนั้น คือ ภูมิเขียนไม่ได้ วันนี้เลยไปคุยกับครูว่า ให้ครูพยามเข้าใจ และช่วยหน่อย เพราะภูมิจำพวกตัวเลขนี้เป็นสัญลักษณ์ จำป็นตัวไม่ได้ แต่ครูก็บอกว่า เลยวัยที่จะจำอย่างนั้นแล้ว ต้องจำเป็นตัวๆ ฮ่าาาาา เย็นนี้หม่าม้าจะค่อยๆสอนแบบใหม่ เอาเป็นว่าเราเริ่มต้นกันใหม่เลยดีกว่านะลูกชาย สู้ สู้

ไปโรงเรียน


โรงเรียนแรกของหนู เริ่มตั้งแต่หนูอายุ 2.3 ขวบ จริงๆหม่าม้าก็ยังไม่คิดว่าหนูพร้อมนะ เพราะหนูยังติดย่า ติดปู่ แล้วก็ติดที่บ้านอยุ่มาก แ่ต่หม่าม้าก็ยอากให้ลองดู แล้วดรงเรียนแรกของหนูก็เิริ่มต้นขึ้น โรงเรียนวิบูลย์บริหาร คุณครูชื่อครูแต๋ว หม่าม้าตื่นเต้นมาก พ่อกับหม่าม้าไปส่งภูมิวันแรก ภูมิร้องไห้ลั่น ไม่ยอมอยู่ แต่หม้่าม้าก็ปล่อยเลย แล้วแอบฟังเสียงข้างนอก ภูมิก็ร้องไห้อยู่นานนะ หม่าม้าละใจเสียเลย ตอนเย็นเลยรีบไปรับตั้งกะบ่าย 2 คิดดุดิ ถึงขั้นลางานทั้งพ่อทั้งแม่( ไม่ธรรมดานะเนี่ย )ภูมิไปเรียนได้ประมาณ 2 เดือน ก็ร้องไห้ตลอดนะ ทุกวัน หม่าม้าเลยให้เรียนมั่ง หยุดมั่ง จนกระทั่งภุมิป่วยติดไวรัสนั่นแหละ รักษากันอยู่ร่วม 2เดือน ไม่ได้ไปโรงเรียนเลย หม่าม้าก็เลยให้หนูหยุด รอจนอายุ 2.9 ขวบ แล้วก็ไปเรียนที่โรงเรียนชาติศึกษา โรงเรียนในซอยบ้านเลยหละ
คราวนี้ดูหนุจะพร้อมมากว่าเดิมเยอะ หนูร้องไห้อยู่แค่ 3 วัน ก็เลิก อาจเพราะโรงเรียนมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่บ้านละมั้งเนี่ย แล้วหนูก็เรียนมาเรื่อยๆ เช้า หม่าม้าไปส่ง เย็น ย่าก็ไปรับ หนูเริ่มช่วยตัวเองได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ คุณครู อนุบาล 1 ชื่อครูอ๋อย หม่าม้าเคยเห็นเค้าตีหนู 1 ครั้ง เพราะหนูใส่รองเท้าผิดข้าง หม่าม้าโกรธมากเลย แต่จากนั้นมาก็ไม่เคยเห็นว่าหนูโดนตีอีก ( แต่ลับหลัง ไม่รู้นะ ) อนุบาล 2 หนูเรียนกับครูนิ่ม ครูใจดีมาก มาก หนุก็มีความสุขดี เพื่อนสนิทหนูก็มีหลายคน ทั้ง อูน,มะพร้าว, หยก, หลิน, ขวัญ , แต่ที่สนิทและรักมากนี่็ก็ไม่้พ้น
ร็อกกี้ ( เด็กชายผมม้า )ที่ชอบต่อยคนอื่น

หนูอยากคว่ำ

น้องภูมิ กับน้องแพง เหมือนกันมากในเรื่องการคว่ำ ที่คว่ำกันไม่ค่อยจะเป็น เดินได้ นั่งได้ ก่อนคว่ำซะอีก ว่าแต่หม่าม้าก็งงนะ เดินได้แล้ว ก็ยังต้องคว่ำให้ได้ด้วยเหรอ

ก้าวแรกของหนู

น้องภุมิอายุ ประมาณ 1.2 ขวบ ตอนนั้นหนูยืนได้แล้ว จำได้ว่า หนูยืนเกาะอยู่หน้าทีวี ตอนที่ย่ากำลังนั่งดูทีวี พ่อกับหม่าม้ากำลังนั่งกินข้าว หนูหันมามองแล้วแล้วก้าวขาเดินออกมา 1 ก้าว 2 ก้าว แล้วล้มนั่งแผละ นั่นก็คงเป็นนิมิตรหมายแล้วหละ ว่าต่อไป คงไม่มีเวลานั่งนิ่งๆของหนูแล้วแน่ เอ้า ทุกคนเตรียมงานเข้าจ้า

คำแรกของภูมิ

น้องภูมิเริ่มพูดคำแรกตอนอายุประมาณ 5 เดือน ตอนที่ปู่อ็อด ยื่นเงินให้ 1,000 บาท อาจเป็นความบังเอิญที่หนูปัดมือพอดี เงินเลยเข้าไปติดอยุ่อยู่ระหว่างเข่ากับมือ แล้วหนูก็พูดว่า "อัง" หม่าม้าก็คิดเอาเองนะ ว่าคงหมายถึงตังค์ อิ อิ ดีจริงลูกเรา จากนั้นหนูก็มีคำื่อื่นๆมาเรื่อยๆ เช่นว่า นั่น , หม่ำ , ม้า, ย่า

เลี้ยงลูกคนแรก ยังไงดีนะ

มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะเนี่ย กับการเลี้ยงลูก 1 คน ก็ไหนจะนม ไหนจะฉี่ ไหนจะนอน โอ๊ย หม่าม้าก็กังวลสารพัดแหละนะ จริงๆ 2 เดือนแรก หนูก็ไม่ได้เลี้ยงยากอะไร เพราะนอนทั้งวัน ตื่นกลางคืน
กลางวันนี่หนูนอนตลอด แต่กลางคืนไม่อยากนอน ไม่รู้เป็นอะไร บางคืนหม่าม้าต้องเลี้ยงหนูจนตี3 เลยนะ แล้วตี 5 ตื่นไปทำงาน เป็นอะไรที่ลุ้นมากๆ บางคืนเปลี่นเปลถึง 3 แบบ หนูยังไม่นอนเลย ต้องอุ้มเดินไปมาตลอด เอาว่าโดยรวมแล้วเนี่ย ช่วง 6-7 เดือนแรกนี่หนูเลี้ยงยากพอควรเลยแหละ แต่พอเข้าเดือนที่ 8 ก็สบายแล้ว หนูนอนเป็นเลามากขึ้น กลางวันเล่น กลางคืนนอนยาว ตืนมากินนม 1หน

ถึงเวลา เด็กชาย ภูมิ ชุ่มคุมสิน


1 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 9.39 น. ได้เวลาที่ ดช. ภูมิ ชุ่มคุมสิน ออกมาลืมตาดูโลก ตอนคลอดภูมิ หม่าม้าไม่ได้ร้องโอดโอยเหมือนในทีวีหรอกนะ เพราะหม่าม้าผ่าออก เลยไม่รู้ว่าตอนปวดท้องคลอดมันเจ็บแค่ไหน ตอนหนูคลอดออกมา คุณหมอพาหนูมาให้หม่าม้าดู หนูตัวโตมากกกก ...4.1 กิโล พยาบาลร้องโอ้โหเลยแหละ ตัวหนูสีเขียวๆ ม่วงๆนะ หมอให้ดูด้วยว่า ได้จุ๊ดจู๋นะคะคุณแม่ ( หม่าม้าคิดว่า ... อืม.. ไม่เบา เชื่อพ่อแรงใช้ได้ )จากนั้นเขาก็ห่มผ้าให้หนู พาหนูไปนอนอย่างอบอุ่น แล้วพยาบาลก็เข็นหนูไปห้องเด็กอ่อน พ่อก็วิ่งตามบันทึกภาพไป วันนั้นอี๊น้องก็ไปรอรับหนูด้วยนะ
ฟากหม่าม้า หลังจากที่หมอพาหนูออกมาแล้ว หมอก็พบว่าในมดลุกหม่าม้า ยังมีเนื้องอกอีก 3 เม็ด ต้องเรียกว่าเม็ด เพราะมันอยู่รวมกันเหมือนลูกชิ้นเสียบไม้อะ 3 ลูก หมอก็จัดการเอาออกซะ ( ทำไมต้องมาขึ้นที่ท้องชั้นมากมายด้วยเนี่ย หรือว่าท้องใหญ่ พื้นที่เยอะ )ยังไงก็ตามแต่ หม่าม้าดีใจที่มีภูมิ ลูกชายตัวน้อย

หม่าม้าอยากเล่า

น้องภูมิจะเชื่อไหม หม่าม้าจำทุกอย่างที่เป็นภูมิได้หมด จำได้แม้กระทั่งวันที่ภูมิเริ่มมาอยู่กับหม่าม้า ให้หม่าม้าได้ดูแลตั้งแต่ในท้องเลย ตอนนั้นหม่้าม้าอายุ 30 ได้แหละ ภูมิเริ่มมาอยู่กับหม่าม้าวันที่ 8 พค 47 ประจำเดือนหม่าม้าหายไป 3 วัน หม่าม้าลองตรวจดู แล้วก็เห็นว่า หม่าม่าเริ่มจะมีหนูละ จำได้ว่าหม่าม้าตรวจตอนประมาณทุ่มนึงของคืนวันที่ 10มิถุนายน 47 แล้วเดินเอาผลตรวจมาให้พ่อดู พ่อกระโดดตัวลอย แล้วพูดว่า เย้... ท้องแล้ว จะมีลูกแล้ว ทั้งพ่อกับหม่าม้าดีใจมาก หม้าม้าไปฝากท้องที่โรงพยาบาลพญาไท 3 แถวๆบ้านย่านั่นแหละ ไปตามนัดหมอไม่เคยขาด จนกระทั่ง 2 เดือนผ่านไป หมออุลตร้าซาวน์ แล้วบอกว่า หม่าม้าเป็นถุงน้ำที่รังไข่ ต้องผ่าออก เพราะมันจะแย่งอาหารของหนู ทำให้หนูอยู่ไม่สบาย หมอบอกว่าให้รอครบ 3เดือน แล้วค่อยผ่า เพราะถ้า 3 เดือนไปแล้ว หนูน่าจะพอดูแลตัวเองได้ เพราะได้เจ้าเนื้องอกนี้มันอยู่ติดกับหนูเลย กินอาหารด้วยกัน นอนด้วยกัน เวลาหนูโตขึ้น มันก็โตขึ้นด้วย พอครบ 3 เดือน ก็เลยเฉือนซะ ผ่าตัดเสร็จหนูก็ปลอดภัยแข็งแรงดี จนหนูอายุ 4 เดือน หมอก็ให้ฟังเสียงหัวใจหนูเต้น พ่อตื่นเต้นมาก ออกอาการโอ เวอร์ รอลุ้นเมื่อไหร่จะคลอดซะที